
กระจกรถยนต์ คุณภาพดี ราคาประหยัด ต้องGood Sure Glass กระจกรถยนต์ เป็นสิ่งที่ติดมากับรถยนต์ทุกคันตั้งแต่ผลิตออกมาจากโรงงาน แต่บางครั้งอาจเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจนทำให้กระจกรถยนต์ได้รับความเสียหาย หากต้องการเปลี่ยนใหม่ ผู้ใช้รถควรจะต้องคำนึงถึงเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก และเลือกประเภทของกระจกรถยนต์ให้ตรงต่อความต้องการของท่าน เพราะกระจกรถยนต์แต่ละประเภท ก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป Good Sure Glass ยินดีให้คำปรึกษา และให้บริการติดตั้งกระจกรถยนต์ทุกรุ่น ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. ทุกแผ่น ติดตั้งโดยช่างระดับมืออาชีพที่มาพร้อมกับประสบการณ์ มากกว่า 25 ปี คุณภาพดี ราคาประหยัด มีบริการนอกสถานที่ ฟรี!! ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล
กระจกรถยนต์ ทั้ง 2 ประเภท มีคุณสมบัติต่างกันอย่างไรเนื่องจากว่ากระจกรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับความปลอดภัยของผู้ที่อยู่ภายในห้องโดยสาร กระจกรถยนต์ที่ไม่ได้มารตฐาน สามารถแตกหักได้ง่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และอาจทำให้ผู้ที่อยู่ภายในห้องโดยสารได้รับบาดเจ็บได้ ปัจจุบันกระจกรถยนต์ที่เหมาะกับการใช้งานมีอยู่ 2 ประเภท ดังนี้
1.กระจกรถยนต์เทมเปอร์กระจกรถยนต์เทมเปอร์ ถูกสร้างขึ้นโดยการนำกระจกโฟลท (Float Glass) มาผ่านกระบวนการอบด้วยความร้อนสูง (ประมาณ 650-700 องศาเซลเซียส) แล้วเป่าด้วยลมแรงดันสูงเพื่อทำให้เย็นลงทันที ทำให้กระจกแข็งแรงกว่าเดิม 3-5 เท่า เมื่อเกิดการแตกหัก ชิ้นส่วนของกระจกจะเป็นชิ้นเล็ก ๆ และไม่คมมาก
คุณสมบัติของ กระจกรถยนต์เทมเปอร์- รับแรงกระแทก แรงกดทับ แรงบีบ ได้ดี- ทนต่อความร้อนได้ สูงถึง 290 องศาเซลเซียส- ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิได้ถึง 150 องศาเซลเซียส- หากเกิดการแตกหัก จะมีความแหลมคมน้อย โอกาสที่จะเกิดอันตรายจึงลดลง
2.
กระจกรถยนต์ลามิเนตกระจกรถยนต์ลามิเนต ถูกสร้างขึ้นโดยการนำกระจกเทมเปอร์ 2 แผ่นมาประกบกัน ระหว่างกลางของกระจกทั้ง 2 แผ่น จะมีฟิมล์ PVB (Polyvinyl Butyral) หรือฟิล์ม EVA (Ethylene Vinyl Acetate Ethylene Vinyl Acetate) อยู่เพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะชิ้นส่วนของกระจกเมื่อเกิดการแตกหัก กระจกรถยนต์ประเภทนี้ เมื่อเกิดการแตกหักจะมีลักษณะคล้ายกับใยแมงมุม เนื่องจากว่าฟิล์มที่ยึดอยู่ตรงกลางระหว่างกระจกทั้ง 2 แผ่น ทำหน้าที่เชื่อมเอาไว้ ทำให้เมื่อแตกกระจกลามิเนต จะไม่แตกเป็นชิ้น ๆ หรือเป็นเม็ด ๆแบบ กระจกเทมเปอร์
คุณสมบัติของ กระจกรถยนต์เทมเปอร์- ป้องกันและเก็บเสียงได้เป็นอย่างดี- ป้องกันความร้อน และรังสียูวีได้ถึง 90%- รองรับแรงอัดกระแทกได้เป็นอย่างดี ป้องกันการโจรกรรมได้- หากเกิดการแตกหัก ชิ้นส่วนของกระจกจะไม่ร่วงหล่นลงมา
สาเหตุที่ทำให้กระจกรถยนต์แตก ร้าว หรือเป็นรอยขีดข่วน กระจกรถยนต์ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญต่อรถเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยป้องกันลม ฝน แดด หรือแม้แต่ฝุ่นละอองต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เข้ามาให้ห้องโดยสารรถยนต์ ผู้ใช้รถอาจจะต้องคอยหมั่นสังเกตรอยร้าว รอยแตก ที่บริเวณกระจกอยู่สม่ำเสมอ เพราะหากกระจกรถยนต์มีรอย ถึงแม้จะเป็นรอยเล็ก ๆ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรชะล่าใจ เพราะจากจุดเล็ก ๆ ก็อาจขยายวงกว้างได้ สาเหตุที่ทำให้กระจกรถยนต์ ร้าว หรือเป็นรอยขีดข่วน ที่มักจะพบได้ทั่วไป คือ - เปิดระบบไล่ฝ้าค้างไว้- ยางปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ- โดนกิ่งไม้ตามไหล่ทาง หรือ บริเวณที่จอดรถ- ใช้อุปกรณ์ล้างกระจกรถยนต์อย่างไม่เหมาะสม อาจมีผิวสัมผัสที่แข็งเกินไป- โดนวัตถุแข็ง หรือเศษหินที่กระเด็นมาโดนกระจกรถยนต์ จากถนนหรือรถคันหน้า ทั้งนี้กระจกรถยนต์สามารถแตกเองได้ ในทางวิศวกรรมศาสตร์เรียกสาเหตุนี้ว่า Stress Crack หรือ ความเค้น หมายถึง แรงต้านทานภายในเนื้อวัสดุที่มีต่อแรงภายนอก สาเหตุที่ทำให้เกิด Stress Crack 1.
แรงดันเปลี่ยนแปลง และแรงดันลม อย่างเช่น การระเบิดทำให้เกิดคลื่นกระแทก จึงเกิดแรงดันในชั้นบรรยากาศอย่างเฉียบพลัน กระจกของรถยนต์ที่จอดอยู่ในรัศมีก็สามารถแตกหรือร้าวได้ 2.
อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างเฉียบพลัน เป็นสาเหตุที่มักจะพบได้บ่อยที่สุด ในการเกิด Stress Crack อย่างเช่น รถที่มีอุณภูมิสูงมาก ๆ แล้วล้างรถด้วยน้ำเย็น หรือ การที่เอาน้ำร้อนเทใส่กระจกรถยนต์ที่มีน้ำแข็งเกาะอยู่ (ในประเทศที่อุณหภูมิหนาวจัด) 3.
โครงสร้างไม่แข็งแรง / จุดบกพร่องจากการประกอบ กระจกบังลมของรถยนต์มีหน้าที่สำคัญคือการรองรับน้ำหนักของหลังคาเมื่อรถเกิดการพลิกคว่ำและหากมีข้อผิดพลาดตั้งแต่กระบวนการผลิตจนทำให้กระจกรถยนต์ไม่สามารถรองรับน้ำหนักได้ตามมาตรฐาน ก็อาจทำให้กระจกรถยนต์แตกได้เช่นกัน
ดูแลกระจกรถยนต์อย่างไรไม่ให้แตกร้าว หรือเป็นรอยขีดข่วนเมื่อสังเกตเห็นรอยแตกร้าวที่กระจกรถยนต์ ไม่ควรปล่อยทิ้งไวนาน เพราะร่องรอยเหล่านี้จะขยายวงกว้างขึ้น เนื่องจาก ขณะที่รถยนต์มีการเคลื่อนตัว อากาศกับกระจกรถยนต์จะมีแรงปะทะกันอยู่ตลอดเวลา แรงอัดของอากาศจะแทรกเข้าไปตามรอยแตก รอยร้าว นอกจากรอยร้าวจะขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ กระจกรถยนต์ก็อาจเกิดการแตกหักได้อีกด้วย อุบัติเหตุที่ทำให้กระจกรถยนต์แตกร้าว เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้ แต่การที่ไม่ดูแลรักษา หรือรักษาแบบผิดวิธี ก็มีส่วนทำให้กระจกรถยนต์แตกได้เช่นกัน บทความนี้ Good Sure Glass มีเทคนิคในการดูแล
กระจกรถยนต์ด้วยตนเองมาฝากให้ทุกท่านทำตามกันได้ง่าย ๆ ดังนี้ · ควรตรวจเช็คยางปัดน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ หากมีการเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนใหม่ทันที· หากท่านล้างรถยนต์ด้วยตนเอง ควรเลือกใช้อุปกรณ์สำหรับรถยนต์โดยเฉพาะ· ควรทำความสะอาดกระจกรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรปล่อยให้คราบสกปรกฝังลึก· เลือกสถานที่จอดรถให้ปลอดภัย หลีกเลี่ยงแสงแดด กิ่งไม้ และผลไม้หนัก ๆ· ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า เมื่อขับรถบนถนนที่เป็นทางลูกรัง หรือมีเศษหิน กรวดและทราย· ควรปิดประตูรถอย่างเบามือ เพราะการสั่นสะเทือนบ่อย ๆ มีผลต่อกระจกรถยนต์เช่นกัน
สรุป การติดตั้ง คุณสมบัติ และการดูแลรักษา กระจกรถยนต์ Summaryอย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเราจะดูแลรักษาดีแค่ไหน แต่สิ่งของทุกอย่างก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน เพื่อความปลอดภัย ควรตรวจเช็ค และสังเกตร่องรอยบนกระจกรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ หากท่านใดที่กำลังมองหาศูนย์บริการติดตั้งกระจกรถยนต์ที่มีมาตรฐาน Good Sure Glass พร้อมยินดีให้คำแนะนำอย่างเท็จจริงต่อลูกค้าทุกท่าน และยังให้บริการนอกสถานที่ ฟรี โดยทีมงานช่างคุณภาพ